การเลี้ยง ไก่ชนได้รับความนิยมมากขึ้นในขณะนี้ ไม่เพียงแต่มีตลาดภายในประเทศเท่านั้น การส่งไก่ชนไทย ยังมีตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพในการขายไก่ชนอีกด้วย จากสถิติของกรมปศุสัตว์พบว่าในปี ค.ศ.1999 มีการส่งไก่ชน ไทยไปต่างประเทศรวม 3,628 ตัว ซึ่งมีมูลค่าเป็นจำนวนที่ใหญ่มาก ยกตัวอย่างเช่น มีการส่งไก่ชนไป อินโดนีเซีย 3,513 ตัว บรูไน 26 ตัว กัมพูชา 20 ตัว สหรัฐอเมริกา 6 ตัว เป็นต้น ผู้ค้ารายใหญ่คงไม่มีปัญหาสำหรับการส่งออก หรือนำเข้า แต่สำหรับผู้สนใจที่เป็นรายใหม่ หรือกับการส่งไก่ชนไปขาย หรือนำเข้ามา อาจต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม จากระเบียบของกรมปศุสัตว์ เกี่ยวกับการส่งสัตว์ไปต่างประเทศ และการนำเข้าซึ่งอาจจะช่วยเป็นแนวทางที่ดี ให้ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์ของกรมปศุสัตว์ หรือไปยังสถาบันที่มีความรู้เกี่ยวกับเลี้ยงไก่ชน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจ
การนำออกสิ่งมีชีวิต ผู้ที่ต้องการนำสัตว์มีชีวิตไปยังประเทศใด จำเป็นต้องติดต่อกับประเทศดังกล่าว เพื่อขอทราบเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง กับการนำสัตว์มีชีวิตเข้าประเทศนั้น ผู้ขออนุญาตจะต้องนำเงื่อนไขที่ได้รับมาไปขอคำแนะนำ จากสัตวแพทย์ที่ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศ ที่จะนำสัตว์ออก เพื่อให้เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ดำเนินการตรวจสอบโรคสัตว์ โดยการตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และดำเนินการตามเงื่อนไขที่ประเทศปลายทางกำหนดอย่างเคร่งครัด ผู้ขออนุญาตยื่นคำร้องขอนำสัตว์ออกนอก ประเทศด้วยตนเอง
โดยต้องทำการยื่นคำร้องอย่างถูกต้องเรียบร้อย ตามกฎระเบียบของประเทศปลายทาง และไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนที่จะนำสัตว์ออก โดยใช้แบบฟอร์มที่ได้รับกำหนด จาก กรมปศุสัตว์ ภายในด่านกักกันสัตว์ที่เลือกในท่าออกนั้น นอกจากนี้ยังต้องมีสำเนาบัตรประจำตัวด้วย หากไม่สามารถติดต่อด้วยตนเองได้ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมแบบสำเนาบัตรประจำตัวของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบมาด้วยในกรณีที่สัตว์จะนำออกได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาด หรือได้รับการทดสอบโรคระบาดแล้ว ผู้ขออนุญาตนำหลักฐานการฉีดวัคซีน และการทดสอบโรคมาแสดงประกอบ
เมื่อยื่นคำร้องต่อสัตวแพทย์ประจำด่านกักกันสัตว์ หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้เข้าใจเงื่อนไขการนำสัตว์ ออกนอกประเทศได้อย่างชัดเจน เพื่อที่จะพิจารณาให้อนุญาตให้นำสัตว์ออกนอกราชอาณาจักร เพื่อการค้าผู้ขออนุญาตจำเป็นต้องแนบสำเนา ใบอนุญาตทำการค้าสัตว์ ตามแบบฟอร์มของกรมปศุสัตว์ และต้องแนบใบแสดงราคาสัตว์ทุกครั้งด้วย และผู้ขออนุญาตจำเป็นต้องเขียนชื่อผู้ส่งออก และผู้รับปลายทางเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้องตรงกับเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะหนังสือเดินทาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อออกใบรับรองสุขภาพสัตว์ได้อย่างถูกต้อง
การดำเนินการช่วงนำออก เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์จะออก ใบอนุญาตนำสัตว์ออกไปต่างประเทศ (แบบ ร.9) และหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) ฉบับภาษาอังกฤษ ให้ผู้ขออนุญาตนำสัตว์ไปต่างประเทศทุกครั้ง เพื่อให้ผู้ขออนุญาตนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ สายการบิน หรือเจ้าหน้าที่ เรือสินค้า และเจ้าหน้าที่ ศุลกากรด้วยตนเอง โดยนำหนังสือใบอนุญาตที่ได้ จากกรมปศุสัตว์ไปแสดง ผู้นำสัตว์ออกต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ของสายการบิน หรือเรือสินค้า และเจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อทำการเรียกราคาธรรมเนียม ใบอนุญาตนำสัตว์ออกตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 โดยการติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบิน หรือเรือสินค้า และเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอน และเอกสารที่ต้องการ เพื่อนำสัตว์ขึ้นไปต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง และสะดวกสบาย
การนำเข้า การส่งสัตว์เลี้ยงออก การส่งไก่ชนไทย ไปตลาดต่างประเทศ
ขั้นตอนการดำเนินการ
ยื่นคำร้องขอส่งสัตว์ออก (แบบ ร.1/1)
ตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการเดินทางไม่เกิน 2-3 วัน ด่าน ฯ
ออกใบอนุญาตส่งสัตว์ออก (แบบ ร.9) พร้อมเอกสารรับรองสุขภาพสัตว์ (HEALTH CERTIFICATE)
คำแนะนำ ในการยื่นคำร้องขออนุญาต ส่งสัตว์ออกนอกราชอาณาจักร ควรมีเอกสารประกอบดังนี้
สำเนาพาสปอร์ตเจ้าของสัตว์ สำเนาบัตรประจำตัวผู้ดำเนินการส่งออก
สำเนาใบรับรองการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (RABIES VACCINATION CERTIFICATE)
กรณีสุนัข แมว ส่งออก ถ้าเป็นนก หรือสัตว์ชนิดอื่น ต้องมีเอกสารรับรองการส่งออกจากกรมป่าไม้ หรือคำยินยอมให้ส่งออกได้จากเจ้าหน้าที่ ด่านตรวจสัตว์ป่าท่าอากาศยานกรุงเทพฯ และหรือมีเอกสาร CITES กำกับ
การนำเข้า สัตว์มีชีวิต การดำเนินการล่วงหน้า การติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น จากเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ที่ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศท่าเข้านั้น เพื่อให้ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการนำสัตว์เข้าประเทศ โดยทั่วไปแล้วสัตว์ที่นำเข้าจะต้องผ่านการกักตรวจ จากสัตวแพทย์ที่ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศ ณ คอกกักกันสัตว์ของด่าน หากผู้นำเข้าต้องการกักกันสัตว์ จะต้องให้เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์กรมปศุสัตว์ตรวจรับรอง ความเหมาะสมก่อนที่จะดำเนินการนำสัตว์เข้าประเทศอย่างเป็นทางการ
การยื่นคำร้อง ขออนุญาตในการนำเข้าสัตว์ ผู้ขออนุญาตจะต้องดำเนินการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน และควรติดต่อ กรมปศุสัตว์โดยตรง โดยยื่นคำร้องเป็นหนังสือตามรูปแบบที่กรมปศุสัตว์กำหนด และแนบสำเนาหลักฐานบัตรประจำตัวทุกครั้ง ในกรณีที่ผู้ขออนุญาตไม่สามารถมาติดต่อด้วยตนเองได้ ให้มีหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาหลักฐานบัตรประจำตัว และผู้มอบอำนาจต้องแนบมาด้วยทุกครั้ง กรมปศุสัตว์จะตรวจสอบสภาวะโรค ของ ประเทศต้นทางจนมั่นใจว่าปลอดภัยจริง จึงออกหนังสืออนุมัติในหลักการ อนุญาตในการนำสัตว์เข้าราชอาณาจักรในภาษาอังกฤษ (Import Permit) พร้อมกำหนดเงื่อนไข (Requirement) การนำเข้าของสัตว์นั้น
ผู้ขออนุญาตเมื่อได้รับเอกสารอนุมัติ ในหลักการอนุญาตในการนำเข้า (Import Permit) จากกรมปศุสัตว์แล้วต้องส่งเอกสารนั้นไปยังประเทศต้นทางทันที โดยที่ประเทศต้นทางจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่กรมปศุสัตว์กำหนด เพื่อให้ประเทศต้นทางปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ (Requirement) ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้จะมีการปรับปรุงอยู่เสมอเพื่อให้เป็นปัจจุบัน และป้องกันไม่ให้โรคระบาดในสัตว์ทุกชนิด จากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย ได้ดูแลอย่างที่ดีที่สุดซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สำคัญ เพื่อปกป้องสุขภาพของสัตว์
ผู้ขออนุญาตต้องแจ้งให้ เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ ณ ด่านกักกันสัตว์ระหว่างประเทศประจำท่าเข้านั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ก่อนสัตว์เดินทางมาถึง เพื่อให้สัตวแพทย์ควบคุมรถบรรทุกสัตว์ไปยังสถานกักกันสัตว์ที่กรมปศุสัตว์กำหนด และออกเอกสารใบแจ้งอนุมัตินำเข้า (ร.6) ให้ผู้ขออนุญาตนำไปติดต่อ ดำเนินการทางพิธีศุลกากรที่ด่านศุลกากรประจำท่าเข้านั้น สัตว์ที่นำเข้าต้องมีเอกสารหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) เป็นภาษาอังกฤษ ออกให้โดยสัตวแพทย์รัฐบาลผู้มีอำนาจเต็มจากประเทศต้นทาง ถ้าเอกสารรับรองเป็นภาษาอื่นให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ และรับรองโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศต้นทาง หรือเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศต้นทาง ประจำประเทศไทย หนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ต้องตรงตามเงื่อนไขการนำเข้าที่กรมปศุสัตว์กำหนด
ติดตามข่าวสารไก่ชนได้ทุกวัน ที่นี้ DOKAICHON.COM
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่นี้ @dokaichon.com